
Posted on มีนาคม 2, 2019
ฌอน ลองสตาฟฟ์ ดาวดวงใหม่ของ สาลิกาดง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
มีการพูดถึง ฌอน ลองสตาฟฟ์ ถึงการปรากฏตัวของเขาที่สโมสร นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด การยิงประตูในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกด้วยการเอาชนะ เบิร์นลีย์ ในวันอังคารที่ผ่านมา และผู้จัดการทีม ราฟา เบนิเตซ กำลังเชื่อมั่นในตัวเขากับการเล่นในอังกฤษ
หลังจากได้เห็นทีมของพวกเขาเริ่มต้นฤดูกาลด้วยความพ่ายแพ้ติดต่อกันห้าครั้งที่ เซนต์เจมส์พาร์ค แฟนบอลได้เห็นฝีเท้ามิดฟิลด์วัย 21 ปี ที่เล่นในบ้านสี่เกมซึ่งหวังว่าจะได้รับชัยชนะ มันไม่ได้เป็นการเริ่มต้นที่ง่ายเลย ฌอน ลองสตาฟฟ์ เปิดตัวในการลงเล่นพรีเมียร์ลีกอย่างเต็มตัวของเขากับ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ หลังจากนั้นต้องเผชิญหน้ากับ แมนเชสเตอร์ซิตี้ และท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แต่เขาได้เผชิญหน้ากับความท้าทายเป็นสิ่งที่ต้องการ เข้ามีพัฒนาการเคลื่อนไหวได้ไวกว่าทุกคนในสนามในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกทั้งห้าครั้งแรกของเขา
ความเร็วและความกระหายที่จะเล่นให้ได้ชัยเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งของทีม นิวคาสเซิล ยุคนี้ และจะเป็นบททดสอบของ ลองสตอฟฟ์ มีการเปรียบเทียบกับ ไมเคิล คาร์ริค อดีตผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ผลันตัวเป็นหนึ่งในสต๊าฟโค้ช ราฟา เบนิเตซ กล่าวว่า “ผมเห็นได้ว่า ฌอน มีความคล่องตัวและมีความแข็งแกร่งของร่างกาย แน่นอนสิ่งที่ยังมีเทคนิคและทักษะใช้เท้าทั้งสองข้างได้ดี”
“แม้ว่าเขาจะอยู่ใกล้กับทีม กับฮัดเดอร์สฟิลด์ ในระยะ 25 หลาแต่ไม่สามารถทำประตูได้ แต่มันเปลี่ยนไปเมื่อวันอังคารที่เขายิงประตูที่สองให้ นิวคาสเซิลชนะเบิร์นลีย์ 2-0 “
ข้อมูลจาก แกรี่ โบว์เยอร์ อดีตผู้จัดการทีม แบล็คพูล เป็นคนที่เปิดตัวเขาในฟุตบอลอังกฤษสามารถยืนยันได้ว่าในการยืมตัวเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทำได้ถึงเก้าประตู ซึ่งตัวเขามีความสามารถและทักษะที่น่าตื่นตา แกรี่ โบว์เยอร์ กล่าวว่า
“เขาเป็นคนเก่งสำหรับเรา” มันยอดเยี่ยมมากเมื่อคุณเห็นคนที่เราทำงานด้วยประสบความสำเร็จ และในตอนนี้ผมได้ดูเกมพรีเมียร์ลีกของเขาในฤดูกาลนี้ และเป็นที่น่าชื่นชมที่ ฌอน ลองสตาฟฟ์ ทำให้แฟนบอลมีเพิ่มมากขึ้น”
“เขามีพลังงานและมีความสมบูรณ์ของร่างกายในระดับที่ยอดเยี่ยม มันเป็นประตูที่ยอดเยี่ยมจบสกอร์ได้เฉียบขาดไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมีความสามารถนี้ด้วย เป็นการยิงจากระยะไกลผู้รักษาประตูไม่สามารถป้องกันไว้ได้”
ลองสตาฟฟ์ ใช้เวลาในฤดูกาลที่แล้วกับการยืมตัวที่แบล็คพูลและเรียนรู้อะไรมากมาย
“เขามีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมและผมคิดว่ามันเป็นผลมาจากการที่มีหลายสโมสรสนใจที่ยืมตัวอีกครั้งในฤดูกาลนี้ แต่ด้วยความฉลาด ราฟา เบนิเตซ ต้องการเก็บให้อยู่กับทีม จึงจับฝึกกับพวกเขาเพียงแค่รอจังหวะโอกาส เมื่อโอกาสนั้นมาถึงเขาเพิ่งจะคว้ามันไว้ได้”
เบนิเตซยืนยันว่าในเดือนมกราคมจะไม่ได้เขาไว้ใช้งาน แต่ ลองสตาฟฟ์ ก็ได้อยู่ที่นี่แล้ว ซึ่งการโชว์ฟอร์มของเขาสร้างความประทับใจให้กับเจ้านาย นิวคาสเซิล แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่พ่อของเขาเล่นฮ็อกกี้น้ำแข็งให้กับบริเตนใหญ่ แม่ของเขาเป็นผู้เล่นเน็ตบอล และลุงของเขาเคยเป็นอดีตตำแหน่งปีกของสาลิกาดง ไม่มีใครชักจูงตัวเองได้ แต่เพราะแรงผลักดันภายในที่อยากจะทำให้ดีขึ้นอยู่ที่นั้นเขาต้องอาศัยอยู่ห่างจากบ้านและต้องเรียนรู้หาวิธีรับมือกับมัน
“เขามักจะมองหาวิธีการปรับปรุงพัฒนาตัวเองเสมอหลังจากจบในแต่ละเกม เรามักจะนั่งดูคลิปที่เขากำลังทำในวันจันทร์หรือวันอังคาร เขาสามารถพัฒนาได้ยอดเยี่ยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเทียบกับคนที่อายุเท่าเขา”
“นั่นเป็นเหตุและผลทุกประการที่คาดหวังว่า ลองสตาฟฟ์ จะดีขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ เดือน หรือปีที่จะถึง เขาจะพัฒนามื่ออยู่ที่ นิวคาสเซิลเท่านั้น”
“ไม่ต้องสงสัยเมื่อเขาอาจจะตกไปอยู่ที่ม้านั่งสำรอง แต่ระดับฝีเท้าและการพัฒนาของเขาในขณะนี้จะทำให้เขาเป็นตัวจริงต่อไป”
มันไม่ใช่ฤดูกาลที่ง่ายสำหรับแฟนๆ สาลิกาดง ที่ต้องเห็นทีมอยู่ในช่วงตกต่ำ แต่การเซ็นสัญญากับ มิเกล อัลมิรอน ที่มีค่าใช้จ่าย แต่ ลองสตาฟฟ์ แม้จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเลย แต่เขาก็มีคุณค่าต่อ เบนิเตซ เช่นกัน นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ได้ค้นพบอีกหนึ่งดาวดวงใหม่ในพรีเมียร์ลีกคนแรกจากอีกหลายๆคนที่มองหา

Posted on กุมภาพันธ์ 2, 2019
โจนส์ ชมนายใหญ่ปีศาจแดง คืนความสุขให้โรงละครแห่งความฝัน
ฟิล โจนส์ กองหลังจอมเหวอของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวถึง โอเล กุนนาร์ โซลชา กุนซือรักษาการที่เข้ามารับงานหลังจากที่ โชเซ มูรินโญ โดนไล่ออกเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่าเป็นคนที่นำบรรยากาศแห่งความสุขกลับมาสู่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้ง
ผู้จัดการทีมชาวนอร์วีเจี้ยนพาทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดด้วยการชนะรวด 8 นัดแรก ทำให้ ยูไนเต็ด กลับมามีลุ้นในการไปเล่นฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้ง รวมทั้งยังผ่านเข้าสู่รอบที่ 5 ของฟุตบอล เอฟเอคัพ ได้เรียบร้อย ก่อนที่จะมาสะดุดเล็กน้อยด้วยการเสมอ เบิร์นลีย์ ในบ้านตัวเองเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
“เขาเป็นคนที่นำเอาความสดชื่นกลับมาสู่สโมสรอีกครั้ง” โจนส์ กล่าวกับ Sky Sports News “เขาเข้ามาและต้องการที่จะพาเราก้าวไปข้างหน้าและนำเอาบรรดาช่วงเวลาแห่งความสุขที่เราเคยมีกลับมาอีกครั้ง และผมคิดว่าเขาได้ทำสำเร็จแล้ว”
“ทักษะของการบริการนักเตะของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก เขาจะปล่อยให้ผู้เล่นได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างและในฐานะนักเตะนี่คือทั้งหมดที่คุณสามารถร้องขอได้ คุณแค่ต้องการให้ผู้จัดการทีมตรงไปตรงมากับคุณ และนั่นคือสิ่งที่เขาให้คุณได้อย่างแน่นอน”
นอกจากนั้น โจนส์ ยังได้พูดถึงการขยับเข้าใกล้พื้นที่ แชมปี้ยนส์ลีก โดยพวกเขาอยู่ห่างจากอันดับ 4 เพียง 2 คะแนน ว่า “เรายังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเลย เราแค่ทำผลงานได้กระเตื้องขึ้นมานิดหน่อยและทุกคนก็ต่างพูดถึงเรา แต่มันแทบไม่มีความหมายอะไรเลย”
“เรายังไม่ติดอันดับท็อปโฟร์ ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องการมันอย่างมากและเราก็ต้องแน่ใจว่าเราจะทำสำเร็จด้วย เมื่อจบซีซันถ้าเราสามารถทำได้มันก็โอเค แม้ว่าเราจะไม่ได้มีฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จอะไร แต่เราก็ได้แสดงให้เห็นว่าเราได้ทำดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว”

Posted on มกราคม 19, 2019
โจเอล แคมป์เบลล์ ยอมรับอยากกลับไปค้าแข้งให้ปืน
กองหน้าทีมชาติคอสตาริกาใช้เวลาถึง 7 ปีที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ก่อนที่จะระเห็จออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2018 ไปอยู่กับทีมแห่งกัลโช่ เซเรีย อา
แคมป์เบล ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์โกล์ถึงประสบการณ์ที่อาร์เซนอลว่า “การได้ฝึกซ้อมและเล่นกับนักเตะเหล่านั้นมันยอดเยี่ยมมาก ๆ อาร์แซน เวนเกอร์เป็นโค้ชที่ค่อนข้างเงียบ แต่ผมชอบเขานะเพราะเขาเป็นคนที่ให้อิสระแก่ผู้เล่นของเขาในสนาม เขาเชื่อในผู้เล่นที่มีเทคนิคมากที่สุดและเขาพยายามที่จะทำให้พวกเขาเหล่านั้นอยู่ในทีมตัวจริงให้ได้”
“ผมไม่เสียใจเลยนะเพราะผมพยายามใช้โอกาสของผมอย่างถึงที่สุดแล้ว และผมไม่คิดว่าผมทำไม่ดีด้วย เมื่อผมถูกเรียกให้ลงไปในสนาม”
“ผมเชื่อว่าผมสามารถเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์เอเมรี่ได้ ผมได้พูดคุยกับโค้ชและสโมสร ผมแน่ใจว่าผมสามารถทำได้ดีในระบบที่เต็มไปด้วยเทคนิคของโค้ชชาวสแปนิช แต่สโมสรมีความคิดที่แตกต่างกัน มันประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งผมจะไม่มีวันลืมเลย เพราะฟุตบอลอังกฤษเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ”
เมื่อพูดถึง อารอน แรมซี่ย์ ที่ใกล้ย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส แคมป์เบลล์กล่าวเสริมว่า “หากยูเวนตุสเซ็นสัญญากับเขาแล้ว พวกเขากำลังเซ็นสัญญาครั้งสำคัญ เพราะแรมซี่ย์เป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมและเป็นคนที่ดีมาก ๆ เขาเป็นผู้เล่นแบบฉบับ ‘บ็อกซ์ทูบ็อกซ์’ เขาสามารถเล่นได้ในทุกตำแหน่งของกองกลาง และยูเวนตุสจะแข็งแกร่งขึ้นกับการมีเขา”
สำหรับผลงาน ฟอร์มการเล่น หากลองดูสถิติย้อนหลังการแข่งของเจ้าตัวในตาราง บ้านผลบอล 888 จะเห็นชัดว่าเขาเป็น 1 ในขุนพลชั้นแนวหน้าที่หลายทีมต้องการไม่น้อยเช่นกัน

Posted on ธันวาคม 28, 2018
ลูคัส เอร์นานเดซ เผยว่าเขาพร้อมที่จะพิจารณาอนาคต หลังจากตกเป็นข่าวกับอย่างหนัก
มีรายงานก่อนหน้านี้ระบุว่า บาเยิร์น พร้อมที่จะยื่นข้อเสนอค่าฉีกสัญญาจำนวน 80 ล้านยูโรเพื่อคว้าตัวแนวรับทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้มาร่วมทีมในเดือนมกราคม
มิเกล อังเคล กิล มาร์ติน ผู้อำนวยการของแอตฯ มาดริด ออกมาปฏิเสธโอกาสที่จะปล่อยลูคัสออกจากทีมในช่วงตลาดหน้าหนาวนี้ แต่สโมสรจะพิจารณาเรื่องการพูดคุยเรื่องดังกล่าวเมื่อจบฤดูกาล
ซึ่งลูคัสเองก็ยังอุบเงียบไว้ว่าทีมไหนที่เขาสนใจจะย้ายไปร่วมทีม แต่ก็พร้อมจะรับฟังข้อเสนอหากมีการยื่นเข้ามาจริง “มันมีหลายสโมสรในยุโรปที่ทำให้ผมใฝ่ฝัน แต่ผมคงจะไม่บอกคุณหรอกว่าสโมสรไหนน่ะ” ลูคัส กล่าวกับ Le Figaro
“หากผมต้องย้ายในวันพรุ่งนี้เพราะโปรเจกต์มันน่าสนใจสำหรับผม ผมก็คงจะคิดถึงเรื่องนั้น ผมแฮปปี้มาก ๆ ที่มาดริดและสเปน ที่ซึ่งทุกคนเชื่อมั่นในตัวผมมาเป็นเวลานาน”
“แต่ในวงการฟุตบอลมันมีข้อเสนอมากมาย และทุกครั้งผมจำเป็นต้องประเมินข้อดีข้อเสียเพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับผม, ครอบครัวของผม และตลอดเส้นทางอาชีพของผมด้วย”
ทั้งนี้ ลูคัส เตรียมลงช่วยทีมตราหมีในวันอาทิตย์นี้โดยจะไปเยือน เซบีญ่า ในเกมลาลีกา ซึ่งพวกเขาตามหลังจ่าฝูงอย่าง บาร์เซโลน่า 3 แต้ม

Posted on พฤศจิกายน 27, 2018
จะมีใครหยุดยั้งการป้องกันแชมป์ของเรือใบสีฟ้าได้หรือไม่?
จากประวัติศาสตร์ในลีกฟุตบอลระดับสูงสุดของ อังกฤษ มีเพียง 11 สโมสรเท่านั้นที่สามารถป้องกันแชมป์ของตนเองได้ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ คือหนึ่งในทีมที่เคยทำได้สำเร็จจากการคว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 ในปี 1929 ก่อนจะก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ได้ติดต่อกันในปี 1930 แอสตัน วิลล่า เคยครองความยิ่งใหญ่ได้อย่างต่อเนื่องในช่วงกำลังจะย่างเข้าสู่ศตวรรษที่ 19 ฮัดเดอร์สฟิลด์ สามารถคว้าแชมป์ได้ 3 สมัยซ้อนหลังช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เพียงไม่กี่ปี ในขณะที่ พอร์ทสมัธ และ วูล์ฟแฮมป์ตัน ก็เคยประกาศศักดาได้ระหว่างช่วงยุคสงครามเย็น จนกระทั่งหนสุดที่ท้ายเกิดขึ้นในปี 2009 เมื่อคราวที่ ราฟาเอล เบนิเตซ เกิดธาตุไฟแตกออกมากล่าวโจมตี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือบรรดาผู้ตัดสิน
การป้องกันแชมป์ลีกสูงสุดของแดนผู้ดีเคยเกิดขึ้นทั้งหมด 25 ครั้งตลอดระยะเวลา 130 ปีนับตั้งแต่ที่เริ่มจัดตั้งการแข่งขันขึ้นมาอย่างเป็นทางการ แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมที่สามารถป้องกันแชมป์ได้มากที่สุดโดย 6 จาก 7 ครั้งเกิดขึ้นในสมัยการปกครองของ ป๋าเฟอร์กี้ ในขณะที่ ลิเวอร์พูล เคยทำได้สำเร็จ 5 ครั้งซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงยุคปี 70 ถึง 80 แมนฯ ซิตี้ เคยคว้าแชมป์ลีกได้ทั้งหมด 5 ครั้งโดยแทบไม่มีโอกาสใกล้เคียงกับการป้องกันแชมป์ได้เลยซักหน หากแต่สัญญาณแห่งความสำเร็จที่รอคอยกำลังก่อตัวให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆภายในฤดูกาลปัจจุบัน จากการคว้าแชมป์ในฤดูกาลก่อนพร้อมสร้างสถิติเก็บแต้มไปทั้งหมด 100 คะแนนที่ดูเหมือนจะเป็นมาตรฐานที่ยากจะทำซ้ำ หากแต่ผลงานนับตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ทของพวกเขากลับบ่งชี้ว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กำลังอยู่บนเส้นทางเดียวกันกับซีซั่นที่แล้ว
ด้วยสถานการณ์อันสวยหรูจากการกอบโกยไปแล้วถึง 32 แต้มจาก 12 นัดที่ผ่านมาไม่เพียงแต่จะทำให้ ซิตี้ รั้งอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูง แต่ยังมีความหมายว่าหากพวกเขาสามารถรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้จนตลอดรอดฝั่งก็จะทำให้ทีมมีโอกาสได้ชูถ้วยรางวัลฉลองกันอีกครั้งหลังผ่านพ้น 38 เกม แน่นอนว่าการรักษามาตรฐานการเล่นในระดับนี้ไว้ให้ยาวนานอาจดูเป็นเรื่องยาก แต่เราก็ไม่ควรลืมว่าภายใน 12 เกมที่ผ่านมา ซิตี้ สามารถสยบคู่แข่งสำคัญอย่าง อาร์เซน่อล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ แมนฯ ยูไนเต็ด มาแล้ว รวมถึงการบุกไปเสมอกับ ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ แบบทิ้งโอกาสทองของตนเองในช่วงท้ายเกม โดยมีเพียง เชลซี เท่านั้นที่ยังคงรอคอยโอกาสจะเผชิญหน้ากัน ซึ่งทั้งคู่ก็มีโปรแกรมจะลงเตะกันเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในช่วงต้นเดือนธันวาคม
โดยในระหว่างนั้น สิงห์บลูส์ มีคิวจะต้องทำศึก ลอนดอน ดาร์บี้ กับ สเปอร์ส ที่ เวมบลีย์ ต่อด้วยต้อนรับการกลับมาเยือนถิ่นเก่าของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่พึ่งขยับเข้าไปคุม ฟูแล่ม ก่อนจะออกเดินทางไปเยือน วูล์ฟส์ ทีมน้องใหม่ที่เคยสร้างเซอร์ไพรส์ยันเสมอ ซิตี้ ได้ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม เมาริซิโอ ซาร์รี่ ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการเปิดตัวใน พรีเมียร์ลีก ชนิดที่ยังไม่เคยมีกุนซือหน้าใหม่คนไหนทำได้ดีเท่าเขา แต่ในขณะเดียวกันทีมของอดีตเฮดโค้ช นาโปลี ก็กำลังตกอยู่ภายใต้สภาวะความกดดันจากการเป็นหนึ่งในทีมที่ยังไม่เคยพบกับความปราชัยภายในซีซั่นนี้
ลิเวอร์พูล ก็คืออีกหนึ่งทีมที่ยังไม่เคยพลาดท่าให้กับใครในลีกแม้พวกเขาจะเคยพ่ายแพ้ในการแข่งขันอื่นมาแล้วถึง 3 นัด ในขณะที่ สเปอร์ส ก็ยังคงเป็นทีมที่มองข้ามไปไม่ได้ หากแต่ผลงานของ เรือใบสีฟ้า ในเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ก่อนเบรคทีมชาติได้แสดงให้เห็นว่า คุณภาพของพวกเขากำลังทิ้งห่างทีมคู่แข่งอื่นๆออกไปทุกขณะ นี่ยังไม่นับรวมอีกว่าพวกเขากำลังอยู่ระหว่างการรอคอยให้ เควิน เดอ บรอยน์ กลับมาฟิตเต็มร้อยเพื่อช่วยสร้างสรรค์โอกาสงามๆหรือมีส่วนช่วยสกัดกั้นเกมรุกของฝั่งตรงข้าม แต่ถึงแม้ทีมจะปราศจาก สตาร์ชาวเบลเยี่ยม ไปก็ตาม กวาร์ดิโอล่า ก็ยังมีคลาสเพียงพอที่จะหยิบจับ แบร์นาโด้ ซิลวา, ริยาด มาห์เรซ, อิลคาย กุนโดกัน, ฟิล โฟเด้น และ ดาบิด ซิลบา ลงไปช่วยกันครองเกมกลางสนามให้เหนือกว่าคู่แข่ง
หากจะมีจุดบอดเพียงเรื่องเดียวที่กลายมาเป็นเครื่องหมายคำถามเกี่ยวกับขุมกำลังต่างๆที่มีอยู่ในมือของ ยอดกุนซือชาวสเปน ก็คือปัญหาพัวพันเกี่ยวกับเรื่องงบดุลทางบัญชีที่ไม่โปร่งใสและอาจขัดต่อกฎของทาง ยูฟ่า ซึ่งอาจส่งผลกระทบถึงการตีความว่า รางวัลเกียรติยศหลายรายการที่ผ่านมาของพวกเขาล้วนได้มาจากการสนับสนุนงบที่ไม่ถูกต้อง มันอาจเป็นการกล่าวโจมตีที่ดูเป็นผู้ดีที่สุดจากบรรดาทีมคู่แข่งของ แมนฯ ซิตี้ ว่าพวกเขาคว้าแชมป์ต่างๆมาด้วยวิธีการคดโกง Football Leaks เว็บไซต์นิรนามรายหนึ่ง เคยลงตีแผ่ข้อมูลสำคัญที่สร้างความแคลงใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องจากกิจกรรมต่างๆและการทำงานนอกสนามที่ทำให้ทีมของ กวาร์ดิโอล่า อยู่เหนือใครๆในขณะนี้
แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจเร็วไปที่จะด่วนสรุปว่าพวกเขาคว้าความสำเร็จที่ผ่านมาด้วยวิธีการซิกแซก ซิตี้ เคยถูกทาง ยูฟ่า ตรวจสอบมาแล้วในปี 2014 ก่อนที่ กวาร์ดิโอล่า จะเข้ามาด้วยซ้ำ ซึ่งทุกอย่างก็ถูกต้องตามข้อกำหนด แม้จากจุดเริ่มต้นของ กฎไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ ที่ดูจะมีช่องโหว่กว่าที่คาดคิดเอาไว้และถูกคาดหมายกันในวงกว้างว่า มันถูกสร้างขึ้นเพื่อยับยั้งความทะยานอยากของพวกสโมสรเงินถุงเงินถังที่ตั้งใจจะเจียดงบส่วนตัวเข้ามาเสริมสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับตนเอง ในขณะที่ เรือใบเสือฟ้า ยังคงไม่รีบร้อนบอกปัดข้อกล่าวหาล่าสุดที่พึ่งมีมูลบางส่วนผุดขึ้นมา ซึ่งก็เป็นปฏิกิริยาในทำนองเดียวกับทางฝั่ง ยูฟ่า ที่เคยเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ โดยยังไม่มีท่าทีเร่งรีบที่จะรื้อเคสนี้กลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง
แม้ที่ผ่านมาพวกเขาจะทุ่มงบประมาณมากมายเกินกว่าปกติที่ดูเป็นการเปิดช่องให้ตนเองถูกตั้งข้อสงสัย แต่ประเด็นหลักเกี่ยวกับข้อกล่าวหายังมีอะไรที่มากไปกว่านั้น และมันคงเป็นการโลกสวยจนเกินไปหากจะจินตนาการว่าสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปรายอื่นๆจะลอยตัวจากปัญหาเหล่านี้ ในอดีตที่ผ่านมา ซิตี้ เคยวางนโยบายด้วยการใช้อำนาจเงินตราเข้าเผชิญหน้ากับข้อกำหนดที่ถูกเรียบเรียงจากทาง ยูฟ่า แทนที่จะใช้แนวทางด้านกฎหมาย ซึ่งหลายๆฝ่ายมองว่าเป็นการวางหมากที่ผิดพลาด แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทำในสิ่งที่แตกต่างจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ด้วยการยอมหันหน้าปรึกษาหารือกันเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้
ย้อนกลับมาที่ประเด็นของการป้องกันแชมป์ เปแอสเช คือทีมที่คว้าแชมป์ ลีกเอิง ได้ถึง 5 สมัยในรอบ 6 ปีให้หลัง และล่าสุดก็ยังนำโด่งเป็นจ่าฝูงโดยทิ้งห่างทีมรองอยู่ถึง 13 คะแนนจากการชนะรวดทั้ง 13 เกมที่ผ่านมา แม้จะดูเป็นสถิติที่น่าประทับใจแต่พวกเขาก็ทำได้แค่รั้งอันดับที่ 3 ของรอบแบ่งกลุ่มใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังเก็บผลเสมอ 2 นัดกับ นาโปลี และตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำให้กับ ลิเวอร์พูล ส่วนทางด้าน แมนฯ ซิตี้ ที่แม้จะได้อยู่ในกลุ่มที่สบายกว่าและควรจะการันตีพื้นที่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่จากการที่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ไล่ตามตีเสมอ โอลิมปิก ลียง ได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก็ทำให้ กวาร์ดิโอล่า ยังไม่สามารถไว้วางใจและหันไปทุ่มเทกับผลงานในลีกได้อย่าง 100% เต็มในขณะนี้
ซิตี้ จะผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ในทันทีหากมีแต้มติดมือกลับมาจากทริปออกไปเยือน ฝรั่งเศส ในช่วงกลางสัปดาห์หน้า ซึ่งจะทำให้พวกเขาหันมาใส่เกียร์เดินหน้าใน พรีเมียร์ลีก ได้อย่างไม่ต้องพะว้าพะวัง ในขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่าง ลิเวอร์พูล ยังคงต้องลุ้นหนักในการเผชิญหน้ากับ เปแอสเช และ นาโปลี นอกจากนี้ หงส์แดง ยังมีโปรแกรม เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ รออยู่หลังหลังเกมยุโรปที่ต้องออกไปเยือนที่ ปารีส ก่อนจะถัดไปอีก 2 สัปดาห์ด้วยการเปิดรัง แอนฟิลด์ ต้อนรับ นาโปลี และต่อเนื่องด้วย ศึกแดงเดือด กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งถือเป็นโปรแกรมหนักที่น่าจะสร้างความกังวลใจให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก่อนที่เขาจะต้องพาลูกทีมออกไปเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม ในช่วงหลังวันปีใหม่
นอกเหนือการออกไปเยือน เชลซี ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทางฝั่งทีมของ กวาร์ดิโอล่า ดูจะมีโปรแกรมที่ปลอดโปร่งโล่งสบายกว่าไปจนถึงช่วงปลายปี 2018 แม้มันอาจเป็นเพียงการคาดคะแนจากสิ่งที่ปรากฏ แต่อย่างที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้กล่าวไว้หลังความพ่ายแพ้ต่อทีมคู่ปรับร่วมเมืองว่า ซิตี้ ลงสนามในเกมนั้นหลังพึ่งกดฝั่งตรงข้ามมา 12 ตุงจาก 2 นัดก่อนหน้านี้ ซึ่งก็เป็นชัยชนะที่ง่ายดายเหนือ เซาแธมป์ตัน และ ชัคตาร์ โดเนตส์ค เรือใบสีฟ้า ดูจะไร้ปัญหาในการเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่มีศักยภาพต่างชั้นกันอย่างเห็นได้ชัด และถึงแม้ใน พรีเมียร์ลีก จะยังคงมีหลายสโมสรที่สามารถลงฟาดแข้งกับพวกเขาได้ในระดับที่พอจะท้าทายกันได้ แต่ประเด็นสำคัญไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสามารถเอาชนะคู่แข่งเหล่านั้นจนรั้งอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงได้ในขณะนี้ เพราะสุดท้ายแล้วการรักษามาตรฐานของตนเองให้คงเส้นคงวาได้ตลอดคือสิ่งที่สำคัญกว่า
หลังจากความพยายามมายาวนานกว่าศตวรรษ ถึงตอนนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แมนฯ ซิตี้ กำลังอยู่บนเส้นทางที่สาดส่องไปด้วยแสงสปอตไลท์อันมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่การป้องกันแชมป์

Posted on ตุลาคม 25, 2018
เอเมอรี่ ยกย่อง หัวใจ ของ อาร์เซน่อล
อูไน เอเมอรี่ ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล ได้กล่าวว่าลูกทีมของเขาแสดงให้เห็นถึงหัวใจ หลังจากการกลับมาจากการตามหลัง และเก็บชัยชนะ 3-1 เหนือ เลสเตอร์ ซิตี้ ในการลงพบกันในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันจันทร์ ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม การทำเข้าประตูตัวเองของ เฮคตอร์ เบเยริน ทำให้ เลสเตอร์ ออกนำไปก่อน นลอนดอน แต่ เมซุต โอซิล มายิงประตูในนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ก่อนที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง จะลุกมาจากม้านั่งสำรองแล้วทำไปคนเดียว 2 ประตู ตอนนี้ อาร์เซน่อล ชนะมา 10 นัดรวดติดต่อกันในการแข่งขันทุกรายการซึ่งรวมถึง 7 นัดสุดท้ายในพรีเมียร์ลีกและ เอเมอรี่ ได้ออกมายกย่องผลงานของลูกทีมของตัวเอง
“เราชนะในวันนี้เมื่อเราเริ่มเล่นด้วยหัวใจ 30 นาทีแรกเราไม่ได้สามารถครองเกมได้ และเราต้องเล่นด้วยความอดทน แต่เรามีความสุขเพราะนี่คือความก้าวหน้าของเรา มันเป็นเส้นทางของเราและเราจำเป็นต้องจัดระบบใหม่และเล่นด้วยหัวใจ ความต้องการของเราสูงมากเพราะต้องครองเกมให้ได้มากกว่านี้ แต่วันนี้เป็นตัวอย่าง เช่น ในช่วง 30 นาทีแรกเราเล่นไม่ดี แต่ 60 นาที ทีมเล่นด้วยคุณภาพ จิตใจและบรรยากาศด้วย แฟนบอลเป็นสิ่งสำคัญมาก ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่ดีและคืนนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดของเรา” เอเมอรี่ บอกกับ Sky Sports News
อาร์เซน่อล ขึ้นไปแทนที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในอันดับที่ 4 ของตารางพรีเมียร์ลีก เท่ากับว่าตอนนี้ทีมมีคะแนนห่างจากทีมจ่าฝูงเพียง 2 คะแนนเท่านั้น หลังจากแพ้ 2 นัดรวด ใน 2 นัดแรกจากนัดเปิดฤดูกาล

Posted on ตุลาคม 13, 2018
การ์บาฆาล รับอยากไปเล่นในอังกฤษก่อนแขวนสตั๊ด
ดานี่ การ์บาฆาล แบ็คขวาของสโมสร เรอัล มาดริด ได้ออกมาเปิดเผยว่าตนเองต้องการที่จะไปเล่นในพรีเมียร์ลีกก่อนที่จะตัดสินใจยุติอาชีพการค้าแข้งของตนเอง ฟูลแบ็คจอมบุกเป็นนักเตะที่ขึ้นมาจากระบบเยาวชนที่ เบอร์นาบิว และลงเล่นไปแล้วมากกว่า 200 นัด ให้กับ เรอัล มาดริด ในการแข่งขันทั้งหมดทุกรายการ นักเตะวัย 26 ปี ปัจจุบันเป็นตัวเลือกแรกของทีมชาติสเปน และเคยได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้วถึง 4 ครั้ง รวมทั้ง ลาลีกา และ โคปา เดล เรย์ อย่างละ 1 ครั้ง ในช่วงเวลาที่อยู่กับทีมราชันย์ชุดขาว
การ์บาฆาล ยังคงมีสัญญากับ มาดริด ไปจนถึงสิ้นสุดฤดูกาล 2021-22 โดยล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเปิดเผยว่าเขาต้องการที่จะไปสัมผัสกับบรรยากาศของการเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก่อนจบเส้นทางอาชีพการค้าแข้งของตนเอง
“ผมคิดถึงการออกจากสเปน ผมเห็นได้ชัดว่าตัวเองอยากจะไปเล่นในพรีเมียร์ลีก มันเป็นประสบการณ์ที่ผมอยากจะมีจริงๆ ผมไม่อยากทิ้งความสงสัยเอาไว้ว่ามันจะเป็นยังไง แต่ในทางกลับกันผมก็อยากจะใช้เวลาทั้งอาชีพของผมที่นี่ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ดีมากเช่นกัน มันเป็นความจริงกับการไป กาตาร์, จีน เราไม่ควรหลอกตัวเองมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงิน แต่ผมอยากจะได้สัมผัสกับพรีเมียร์ลีก ซึ่งเราจะเห็นกัน” การ์บาฆาล ให้สัมภาษณ์กับ Libero Magazine สัญญาฉบับปัจจุบันกับ เรอัล มาดริด นั้นมีการเซ็นสัญญากันไปเมื่อเดือนกันยายนปี 2017 ซึ่งคาดว่า เรอัล มาดริด เองก็อาจไม่เต็มใจที่จะปล่อยตัวออกไปจากทีมเช่นกัน

Posted on กันยายน 27, 2018
ต้องการตัว ลือ มาดริด สน เฟคีร์ แทน โรนัลโด้
ทีมราชันย์ชุดขาว เรอัล มาดริด ได้รับการคาดหมายว่ากำลังต้องการจะได้ตัว นาบิล เฟคีร์ มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสของ โอลิมปิก ลียง เนื่องจากภายหลังจากที่ขาย คริสเตียโน โรนัลโด้ ไปให้กับ ยูเวนตุส แล้วทีมยังไม่ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวซื้อนักเตะชั้นนำเพื่อเข้ามาทดแทนเลย
ก่อนหน้านี้ดาวเตะวัย 25 ปี ใกล้เคียงอย่างมากกับการย้ายมาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์เพียง แต่ทีมหงส์แดง ตรวจพบปัญหาความผิดปกติที่หัวข้าวของ เฟคีร์ และต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการจ่ายเงินกับ ลียง ทำให้ ฌอง มิเชล โอลาส ประธานสโมสรลียง ไม่พอใจและประกาศตัดการเจรจาลงไปในทันที
เฟคีร์ ยังเป็น 1 ในนักเตะชุดแชมป์ฟุตบอลโลกกับทีมชาติฝรั่งเศส และยังเป็นกำลังสำคัญให้กับต้นสังกัดในฤดูกาลนี้ โดยลงเล่นไปแล้ว 6 นัดในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลของลีกเอิง ส่วนในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดล่าสุดที่ทพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าตัวก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการยิง 1 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ ช่วยให้ ลียง บุกมาชนะทีมเรือใบสีฟ้าได้ถึงถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม 2-1
หนังสือพิมพ์ L’Equipe ของฝรั่งเศสรายงานว่า มาดริด กำลังเตรียมพร้อมที่จะนำตัวดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้มายัง เบอร์นาบิว ซึ่งคาดว่าจะสามารถซื้อได้ด้วยเงินประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินที่ทีม ลอส บลังกอส ได้มากจากการขาย โรนัลโด นอกจาก ลิเวอร์พูล แล้ว เชลซี เองก็ยังมีข่าวลือว่ามีความสนใจในการเซ็นสัญญากับ เฟคีร์ ด้วยเช่นกันโดยเฉพาะช่วงก่อนที่ตลาดนักเตะจะปิดลง

Posted on กันยายน 12, 2018
ไปเหอะ ก็องโต้ สับ มูรินโญ่ ไม่ใช่คนที่เหมาะกับผีแดง
เอริค คันโตน่า อดีตกองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้กล่าวว่า โซเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้จัดการที่ไม่เหมาะสมสำหรับทีมปีศาจแดง และยืนยันว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นคนที่ควรมาคุมทีมใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มากกว่า
แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของ มูรินโญ่ ได้ถ้วยแชมป์มาแล้ว 3 รายการ และได้อันดับที่ 2 ในตารางพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยทีมแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 20 สมัย พบกับความพ่ายแพ้แล้ว 2 จาก 4 นัดแรกในฤดูกาล 2018-19 พร้อมกับข่าวลือเรื่องอนาคตของ มูรินโญ่ กับสโมสรที่เชื่อกันว่าเริ่มเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
คันโตน่า ซึ่งเป็นนักเตะของปีศาจแดง ระหว่างปี 1992 และ 1997 ได้กล่าวว่ารูปแบบการเล่นฟุตบอลของ มูรินโญ่ ไม่เหมาะสมสำหรับสโมสรเก่าของเขาและเชื่อว่านายใหญ่ของทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหมาะสมมากว่าในตำแหน่งผู้จัดการทีม
ตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ให้สัมภาษณ์กับ เดลี่เมล์ ว่า “มันไม่ดีเท่าไหร่ แต่มันเป็นช่วงต้นฤดูกาล … มันยังเร็วเกินไปที่จะบอกอะไรได้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ และจะยังคงยิ่งใหญ่เสมอ พวกเขาจะชนะรายการใดก็ได้ ผมรู้ว่าพวกเขาทำได้ แต่แนวทางที่พวกเขาเล่นมันไม่ดีเลย ผู้จัดการทีมทำให้พวกเขาเล่นอย่างผิดพลาดสำหรับแฟนๆ มันไม่มีความสนุก ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ผมชอบ มูรินโญ่ เขามีบุคลิกที่ดี แต่ไม่ใช่สำหรับยูไนเต็ด พวกเขาควรจะมี กวาร์ดิโอล่า ในฐานะโค้ชเขา ควรจะอยู่ที่นั่น เขาทำในสิ่งที่เหมือนมีเวทมนตร์ให้กับสโมสรอื่น สโมสรที่ผมไม่อยากบอกชื่อเลย” โดยทีมปีศาจแดง จะกลับมาเล่นพรีเมียร์ลีก ด้วยการเดินทางไปในเยือน วัตฟอร์ด ในสุดสัปดาห์หน้า

Posted on กรกฎาคม 23, 2018
วิเคราะห์บอล ซาเกิลบี ซอสโนเวียค รับการมาของ ปิแอส กลิวิส
เกมวันนี้มาที่ลีกสูงสุดของโปแลนด์ ที่เป็นเกมระหว่างน้องใหม่ของลีกอย่าง ซาเกิลบี ซอสโนเวียค ที่จะเปิดรังรบกับ ทีมหนีตายจากฤดูกาลที่แล้ว รอดพ้นการตกชั้นมาได้อย่างหวุดหวิดอย่าง ปิแอส กลิวิส มาดูผลงานของทั้งคู่กันก่อน ทีมเจ้าถิ่นที่คว้าอันดับ 2 และเลื่อนชั้นขึ้นมานั้นมีสถิติการเล่นที่น่าสนใจเลยทีเดียว ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 และยิงประตูคู่แข่งไปแล้ว 11 ลูก ส่วนทางฝั่งทีมเยือนที่หนีตายได้สำเร็จในฤดูกาลที่ผ่านมา ผลงานของพวกเขาหาจุดลงตัวยังไม่เจอ 5 นัดหลังสุด ชนะคู่แข่งเพียงแค่ 1นัด ตามด้วยเสมอ 1 และแพ้ถึง 3 เกมด้วยกัน
เกมนี้ขอเน้นไปที่เจ้าถิ่นหน้าใหม่ของลีก นัดล่าสุดพึ่งเก็บชัยชนะมา น่าจะส่งผลต่อกำลังใจของทีมเป็นอย่างมากและจากการที่พบกัน 2 ครั้งหลังสุด เป็นทางฝั่งของพวกเขาที่ทำได้ดีกว่า ทางผู้มาเยือนของเรา หลังบ้านของพวกเขามีช่องโหว่พอสมควรหยุดคู่แข่งไม่ค่อยได้ เสียไปถึง 7 ประตูจาก 5 นัดหลังสุด การออกไปเล่นนอกบ้านของพวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ มา 3 นัดแล้ว ราคาบอลเปิดมาเจ้าถิ่นต่อเสมอควบครึ่งลูก ด้วยฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา การมาเจอทีมที่เกมรับไม่เหนียวแน่นในเกมนี้ พวกเขาน่าจะคว้า 3 แต้มประเดิมสนามนัดแรกของลีกได้อย่างสวยงาม วันนี้น่าจะเป็นทีมน้องใหม่สอนเชิงรุ่นพี่ในลีกซะมากกว่า
ผลบอลวันนี้ : ซาเกิลบี ซอสโนเวียค 2-0 ปิแอส กลิวิส